วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อนามิกาที่สุดของหัวใจ

        ฉันได้อ่านนวนิยายเรื่องหนึ่ง เรื่อง " อนามิกาที่สุดของหัวใจ"
การดำเนินเรื่องของนิยายเรื่องนี้แปลกกว่าเรื่องที่เคยอ่านมา
ทำให้สามารถอ่านจนจบเรื่องได้โดยเร็วในเรื่องนี้มีความตื่นเต้นมากมาย
ทั้งสุข ทุกข์ สมหวังนั้นไม่ค่อยจะมีสักเท่าไร ส่วนใหญ่จะสิ้นหวังซะมากกว่า
ได้รู้ว่าชีวิตของคนเรานั้นไม่ใจมีอต่ความสุขจะทั่วไป
ความทุกข์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ
       อนามิกาเป็นชื่อนางเอกของเรื่องนี้ มีการดำเนินเรื่องราวที่อนามิกา
การอยู่รอดของแต่ละประเทศ การมีความผูกพันกันของแต่ละประเทศ
การแก้ไขปัญญาเหตุการณ์ที่เกิด คัวพระของเรื่องนั้นจะต้องเจอเรื่องราวมากมายที่ต้องผ่านไปให้ได้ เหมือนทดสอบความกล้าหาญ ความมั่นคงในรักที่มีต่อนางได้หรือไม่?
      ในเรื่องนี้มีเรื่องของความรักมากมายหลาบแบบ แต่มีแบบหนึ่งที่ด้อ่านตอนจบของคู่นี้แล้วถึงกับร้องไห้ออกมาเลย ผู้แต่งนั้นได้ปรรยายความรู้สึกของตัวละครทั่งคู่ได้ดีมาก
เป็นตอนที่ทั่งสองต้องตายจากกัน ฝ่ายชายพยายามพูดเพื่อให้ฝ่ายหญิงรู้ว่าตนจะพยายามไม่ตาย
แล้วก็ตาย น้ำตาของฉันที่ได้อ่านไหลออกมาตลอด ฝ่ายหญิงก็ตายตามกันไปเพราะถูกผุ้ร้ายยิงตาย
     การได้อ่านนิยายเรื่องนี้ทำให้รู้สึกถึงคำว่า  รัก  กับ  เสียสละ


: ฉันเป็นคนหนึ่งที่เป็นนักอ่านนวนิยายตัวยง แต่ขอแค่อ่านแล้วรู้จักคิด รู้จักทำ รู้เรื่องไหนที่ดี ที่ไม่ดี เท่านั้นล่ะ คือประสบการณ์การอ่านที่ดี ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเราขึ้น เราจะได้ตัดสินใจได้ดีที่สุด

หวังว่าคุณจะเป็นหนึ่งในนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้าวหน้าเนื้อใจเสือ

ส่วนผสม
1.เนื้อวัวสไลด์(หรืออาจจะเป็นเนื้อหมูก็ได้) 1 ถ้วย
2.น้ำตาล 2 ช้อนชา
3.ซอสหอยนางรมแม็กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ
4.ซอสปรุงอาหารแม็กกี้ 1/2 ช้อนโต๊ะ
5.งาคั่วบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
6.ต้นหอมหั่นฝอย 1 ช้อนชา
7.น้ำสต็อก 5+5+5 1 ถ้วย
8.น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
9.ข้าวหอมมะลิร้อนๆ 1 ถ้วย

วิธีทำ
หมักเนื้อวัวสไลด์ด้วยซอสปรุงอาหารแม็กกี้ และ ซอสหอยนางรมแม็กกี้ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอกระทะร้อนใส่เนื้อสไลด์ ผัดพอสุก ใส่งาบุบ ใส่น้ำสต็อก 5+5+5 ปรุงรสด้วยซอยหอยนางรมแม็กกี้ และน้ำตาล ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ตักราดบนข้าวสวย โรยด้วยต้นหอม ยกเสิร์ฟได้

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การทำข้อสอบ

                  โดยทั่วไปแล้วข้อสอบจะอยู่ 2 แบบ
แบบแรกคืออัตนัย(ข้อเขียน)
             การทำข้อสอบที่เป็นข้อเขียนนั้น ส่วนใหญ่จะได้คะแนนเยอะ(ถ้าเรารู้ว่าต้องเขียนอะไรที่เป็นหลักการหน่อยนะ อย่าเขียนมั่วเด็ดขาดหรือถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ประมาณว่าไม่มีอะไรในหัวล่ะก็ พยายามเขียนให้ใกล้เคียงที่สุด) ต้องเขียนให้เยอะนะ จะทำให้ได้คะแนนดี แต่ข้อดีของข้อเขียนคืออาจารย์ออกข้อสอบน้อย
ข้อเสียก็อยู่ที่อาจารย์อีกนั้นแหละ ที่ต้องมานั่งปวดตาตอนตรวจกับลายมือลูกศิษย์ลูกหาของท่านเอง

แบบที่สองคือปรนัย(ข้อกากบาท) ข้อกากบาทเป็นข้อสอบที่ผู้สอบทุกคนชอบมากเพราะเวลาทำข้อสอบง่าย ก็แต่กากบาทเลือกคำตอบหนึ่งคำตอบก็เสร็จ อ่านหนังสือมาหรือไม่อ่านมาก็ได้ทำอยู่แล้ว เป็นอะไรที่ง่ายๆ
แต่ก็ชอบแบบที่ต้องให้ข้อกาเยอะๆหน่อย เพื่อทำผิิดจะได้เสียคะแนนไม่มาก

ใครชอบแบบไหนก็ภาวนาให้ให้อาจารย์ขอแบบนั้น
แล้วโชคดีในการสอบทุกครั้งนะค่ะ